ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์คึก “ECF” ตั้งเป้ารายได้โต 12-15% เตรียมรับรู้กำไรโรงไฟฟ้ามินบูเฟส 2

0 Comments

ECF เผยแผนธุรกิจปี 65 ตั้งเป้ารายได้โต 12-15% ชูกลยุทธ์ดันมาร์จิ้นเพิ่ม ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ตลาดส่งออกโตต่อเนื่อง ในประเทศขยายช่องทางจำหน่ายออนไลน์และโมเดิร์นเทรดปั๊มรายได้ ทุ่มงบลงทุน 50 ล้านบาท เร่งขยายกำลังการผลิตเพิ่มเครื่องจักร ธุรกิจพลังงาน โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มินบู เฟส 2 (50 MW) คาด COD ไตรมาส 3 ปีนี้ พร้อมแตกไลน์ธุรกิจใหม่ดูหนังฟรีออนไลน์ 2022 ต่อยอดการเติบโต

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) ผู้ประกอบธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่าย เฟอร์นิเจอร์จากไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด ไม้เอ็มดีเอฟ และไม้ยางพารา เพื่อจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเป็นผู้ลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน เหมืองขุดสกุลเงินดิจิทัล และธุรกิจเพาะปลูกและจำหน่ายพืชผลทางการเกษตร เปิดเผยภาพรวมธุรกิจปีนี้ ว่า บริษัทมุ่งเน้นสร้างการเติบโต พร้อมเพิ่มความสามารถการทำกำไรจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และธุรกิจพลังงาน โดยตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 12-15 % และตั้งงบลงทุน 50 ล้านบาท สำหรับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ เพื่อเพิ่มเครื่องจักรและปรับปรุงไลน์การผลิต รองรับปริมาณคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตมาจากการขยายตลาดของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ทั้งในและต่างประเทศ และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทน คาดว่าจะเริ่มเห็นสัดส่วนกำไรสุทธิค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นจากการรับรู้รายได้เพิ่ม และบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มีสัญญาณการเติบโตดีอย่างมีนัยสำคัญ จากการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ส่งออกไปต่างประเทศ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการทำงานในแบบ Work from home ตามรูปแบบการใช้ชีวิตใหม่ (New normal) ที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งเศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว ส่งผลให้ปริมาณคำสั่งซื้อลูกค้าต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น

 

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายตลาดในประเทศ มุ่งเน้นกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางจำหน่ายใหม่ สร้างความหลากหลายของช่องทางการจำหน่ายสินค้า ลดการพึ่งพิงเพียงช่องทางใดช่องทางหนึ่ง อาทิ จำหน่ายผ่านออนไลน์ ร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำที่มีสาขาทั่วประเทศ และเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่

 

ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าประเทศอินเดีย อเมริกา จีน ญี่ปุ่น มีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามามากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่งผลให้บริษัทวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อ ที่เข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อสินค้าถึงไตรมาส 2 ปีนี้ อีกทั้งยังมีกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่มีศักยภาพอยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายราย ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากยอดขายต่างประเทศอยู่ที่ 65% และในประเทศอยู่ที่ 35%

สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทน ที่ผ่านมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW เมืองมินบู ประเทศเมียนมาร์ เฟสแรก 50 MW เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทคาดว่าจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไร เฟส 2 (50 MW) ภายในไตรมาส 3/65 ส่วนเฟสที่ 3 และ 4 อยู่ระหว่างวางแผนเพื่อก่อสร้างให้ครบโดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้บริษัทได้ส่งบริษัทย่อย บริษัท อีซีเอฟ โฮลดิ้งส์ จำกัด (ECFH) เข้าลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดสกุลเงินดิจิทัล พร้อมจัดตั้งบริษัทย่อยเพิ่มเติม 1 แห่ง ประกอบธุรกิจการเพาะปลูกและจัดจำหน่ายพืชผลทางการเกษตร เพื่อเป็นโอกาสที่จะสร้างแหล่งที่มาของรายได้ ผลักดันผลประกอบการของบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต